Partie III Descente à la péninsule de Snæfellsnes ตอน 3 ลงสู่คาบสมุทร Snæfellsnes

Partie III Descente à la péninsule de Snæfellsnes ตอน 3 ลงสู่คาบสมุทร Snæfellsnes

26 Février – 1 Mars 2017  Péninsule Snæfellsnes

26 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2560

Voici les moments que nous allons passer à la péninsule Snæfellsnes, la dernière étape avant notre retour en France.

Le 26 février, nous quittons Siglufjörður et faisons une pause à Laugarbakki.

และนี่ก็คือช่วงเวลาที่จะใช้อยู่ที่คาบสมุทร Snæfellsnes เป็นจุดสุดท้ายก่อนที่เราจะเดินทางกลับ

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เราเดินทางออกจาก Siglufjörður คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Laugarbakki

On les voit partout mais j’adore ! Même pas froid ! เจอม้าไอซ์แลนด์ทุกที่เลยค่า ไม่ยักกะหนาวนะเนี่ย

Le 27 février, c’est le jour où nous prenons la direction de la péninsule Snæfellsnes. Avant d’entrer dans le territoire, une petite pause à la péninsule Vatnsnes pour voir Hvítserkur. C’est un piton rocheux de 15 mètres de haut qui est resté au milieu de l’eau. On dirait qu’il a la forme d’un dinosaure. Nous nous garons au parking sur le bord de la route. Il donne accès à un chemin descendant à la plage. La forme de ce dinosaure est due à l’érosion causée par la mer et qui a creusé le rocher. Et vous ? Qu’en pensez-vous ? À quoi ressemble t-il ?

เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เป็นที่เราขับรถมุ่งหน้าสู่คาบสมุทร Snæfellsnes เราไปแวะที่ Hvammstangi กันก่อน ซึ่งอยู่ในคาบสมุทร Vatnsnes เราไปชม Hvítserkur ซึ่งเป็นหินประหลาดที่เกิดจากลาวาอีกเช่นกัน เราจอดรถที่ลานจอดรถแล้วก็เดินลงไปอีกหน่อย ทางลื่นมาก เพราะว่าหิมะเริ่มแข็งตัวกลายเป็นลานน้ำแข็งแล้ว ต้องคอยเดินบนหญ้าเพื่อกันการลื่นก้นจ้ำบ๊ะ

หินไดโนเสาร์นี้สูงถึง 15 เมตร ทะเลได้กัดเซาะหินจนทำให้เกิดรูปร่างเช่นนี้แหละค่ะ ว่ากันว่ารูปร่างเหมือนไดโนเสาร์ แล้วคุณคิดว่าเหมือนตัวอะไรกันคะ ?

Autour de Hvítserkur รอบๆ Hvítserkur

Autour de Hvítserkur รอบๆ Hvítserkur

Ceci n’est pas une vache lol เจออีกแล้วค่าาา แต่เป็นม้านะจ๊ะ ไม่ใช่วัว 555

 

Nous voilà à Stykkisholmur, la ville dans la péninsule de Snæfellsnes. 

เราขับรถกันจนไปถึงเมือง Stykkisholmur ซึ่งอยู่ในเขตของคาบสมุทร Snæfellsnes แล้ว

Nous allons dormir au Fosshotel Stykkisholmur. Pas très loin de l’hôtel, j’ai trouvé cette église avec une étrange forme. Ça a l’air très moderne et futuriste.

และคืนนี้เราก็จะนอนกันที่โรงแรม Fosshotel Stykkisholmur ข้างๆโรงแรมเราก็สะดุดตากับรูปร่างของโบสถ์อันนี้ สวยแปลกตามากเลยค่ะโบสถ์ที่ไอซ์แลนด์เนี่ย

Bónus, la chaîne de supermarchés où vous trouverez des trucs moins chers ซูเปอร์มาร์เก็ต Bónus ที่ที่คุณจะพบกับของราคาไม่แพง มีอยู่ทั่วไอซ์แลนด์เลยจ้า

 

La météo a annoncé du beau temps pour ce soir. Donc cela veut dire quoi ?? Ouiiii!!!! On aura peut être la chance de voir des aurores boréales !!! Vers 22h00, nous sommes sortis de l’hôtel pour trouver un endroit bien noir sans lumière. En Islande, quand vous sortez voir les aurores boréales, n’oubliez pas de prendre tout ce qu’il faut pour vous réchauffer : gants, bonnet, doudounes etc. ! Car vous allez être dehors à attendre les lumières vertes. Vers 23h00, nous apercevons des éclairs blancs bougés. Je suis persuadé que c’est des aurores boréales. Nous essayons d’aller ailleurs. Là encore, c’est des éclairs assez blanc, assez verts clairs et plus grand. Il est minuit passé et je n’en peux plus à cause du froid. Nous décidons de rentrer à l’hôtel.

คืนนี้เราเตรียมออกไปข้างนอกค่ะ เพราะพยากรณ์บอกว่าฟ้าเปิด ซักประมาณสี่ทุ่มเราก็เริ่มออกไปหาที่มืดๆ ที่ที่ไม่มีแสงสว่างรบกวน เพื่อการเห็นแสงเหนือที่ชัดเจน เรารออยู่ในรถซักพัก ก็เริ่มใส่ถุงมือ ใส่ชุดให้อบอุ่นเพื่อออกมาจากรถ อยากบอกว่าอากาศหนาวมากๆๆๆ แต่ด้วยความที่อยากเห็นแสงเหนือ เราก็ต้องอดทนค่ะ รอแล้วรอเล่า พอหลังห้าทุ่มไป ก็เริ่มเห็นแสงสีขาวๆจางๆ แต่มันไม่ใช่สีเขียว เราก็ไม่แน่ใจว่าใช่แสงเหนือรึเปล่า เราก็รอต่อไปค่ะ คิดว่ามันคงจะชัดขึ้น ซักพักเมฆเริ่มมาหมดบัง แล้วก็เห็นแสงสีขาวอีก คราวนี้ชัดขึ้นกว่าเมื่อกี้ แต่ทำไมมันไม่ใช่แสงสีเขียวนะ รอจนเกือบถึงเที่ยงคืน ไม่ไหวแล้วค่ะ มือแข็งปากแข็งไปหมดแล้ววว ถ่ายรูปก็ไม่ได้เพราะกล้องก็พังตั้งแต่ตอนที่ไปน้ำตก ปฏิบัติการดูแสงเหนือของคืนนี้จึงจบเพียงเท่านี้

Le 28 février, nous sommes encore à la péninsule de Snæfellsnes. On dirait que c’est la plus belle partie de l’Islande. Et c’est aussi le paradis pour les photographes. Jules Vernes a également choisi Snæfellsnes pour faire partir son “Voyage au centre de la Terre” !!

Nous commençons au fameux Kirkjufell. C’est le site vraiment à voir dans le pays ! Le nom de Kirkjufell signifie littéralement « montagne église » en islandais. Ça doit être certainement dû à sa forme de clocher. Cette montagne se compose de différentes couches de laves que l’on peut mieux apercevoir en été quand elle n’est pas couverte de neiges comme dans nos photos.

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เราก็เริ่มออกไปชมความงามของคาบสมุทรแห่งนี้ ว่ากันว่าคาบสมุทร Snæfellsnes เป็นส่วนที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ เป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ และยังเป็นที่ที่ Jules Verne ได้เขียนลงในหนังสือของเค้าชื่อว่า A Journey To The Center Of The Earth (ผจญภัยใต้พิภพ)

เริ่มกันด้วยที่นี่เลย Kirkjufell ซึ่งแปลว่าภูเขาโบสถ์ น่าจะเป็นเพราะว่ารูปร่างของภูเขานี้คล้ายกับระฆังนั่นเอง เจ้าภูเขานี้ถือเป็นแลนด์มาร์คของไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ ถ้ามาไม่ถึงนี่เหมือนกับว่าไม่ได้มาไอซ์แลนด์เลยนะ เดากันสิคะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ติ๊กต่อกๆๆๆ อ่ะแน่นอนมันก็เกิดมาจากลาวาอีกเช่นเคย สำหรับคนที่มาในช่วงฤดูร้อนจะเห็นชั้นลาวาที่ชัดกว่า ไม่มีหิมะที่ปกคลุมอย่างนี้ แต่ก็ถือว่าสวยไปอีกแบบนะ

Kirkjufell

Kirkjufell

Une petite pause photo à Olafsvìk.

ไปกันต่อที่ Olafsvìk

Ólafsvík

Ensuite, nous avons fait une petite randonnée au parc national de Snæfellsjökull qui se situe à l’extrémité ouest de la péninsule. Ce sont aussi les champs de lave. Jules Verne a même décrit dans son Voyage au centre de la Terre “un amoncellement immense de déjections volcaniques”, un “pays comme écrasé sous une pluie de pierres énormes”.

หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull ซึ่งอยู่ทางปลายสุดของคาบสมุทรทางตะวันตก เราจอดรถตามจุดต่างๆพร้อมกับเดินเล่นปีนป่ายตามโขดหินซึ่งก็คือลาวานั่นแหละค่ะ Jules Verne ได้อธิบายไว้ในหนังสือของเค้าว่า “มันเป็นขี้เถ้าของลาวา” แล้วก็เป็น “ประเทศที่เหมือนถูกหินก้อนใหญ่ถล่มลงมา”   แล้วก็กลายเป็นหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆนี่แหละค่ะ

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Parc national Snæfellsjökull อุทยานแห่งชาติ Snæfellsjökull

Nous terminons la journée à Hellnar où se trouve notre hôtel.

คืนนี้เราไปพักกันที่ Hellnar ค่ะ

Aux alentours de notre hôtel à Hellnar บรรยากาศรอบๆที่พักของเราที่ Hellnar

Le 1 mars, c’est le dernier jour de notre voyage à Snæfellsnes. Pas loin de Hellnar, je vous conseille de visiter le petit port du village vraiment charmant, Arnarstapi. Et si vous aimez la randonnée, d’Arnarstapi, il est possible de longer la côte vers le petit port d’Hellnar. Faute de temps, nous ne faisons pas fait cette randonnée.

วันที่ 1 มีนาคม วันสุดท้ายของการเที่ยวชมคาบสมุทร Snæfellsnes เราออกจาก Hellnar ไป ชมท่าเรือที่ Arnarstapi สองเมืองไม่ไกลกันเลยค่ะ หากใครที่ชอบเดินเทรคเค้าก็มีทางเดินสำหรับนักเทรคจาก Arnarstapi ไป Hellnar ด้วยนะคะ แต่เราไม่มีเวลามาก จึงมาชมแค่ท่าเรือ ที่นี่เป็นเมืองท่าเรือเล็กๆ แต่มีมนต์เสน่ห์ไม่น้อยเลย

Arnarstapi

Arnarstapi

Arnarstapi

A l’entrée du village on trouve une immense statue en pierre de Ragnar Kjartansson représentant Barður Snæfellsás, personnage légendaire d’une ancienne saga, mi-humain mi-ogre  Selon la légende il vit toujours sur le Snæfellsjökull et protège la région.

ทางเข้าของหมู่บ้าน เราจะเห็นรูปปั้นหิน Barður Snæfellsás อันใหญ่โตนี้ตั้งตระหง่านมาแต่ไกล รูปปั้นนี้สร้างโดย Ragnar Kjartansson  ตามตำนานนั้นว่ากันว่า Barður Snæfellsás เป็นครึ่งคนครึ่งโทรลล์ที่คอยปกปักรักษาคาบสมุทร Snæfellsnes แห่งนี้ ลองดูความใหญ่โตของรูปปั้นได้ในภาพเลยค่ะ เรานี่กลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กกระจิ๋วหริวไปเลย

Barður Snæfellsás

Barður Snæfellsás

Ensuite, nous continuons la route vers Búðir. Le village de Búðir est bien connu pour son église… noire ! L’église de Búðarkirkja a été érigée en 1703 par Bent Lárusson. Elle a été reconstruite par Steinunn Sveinsdóttir en 1848. La légende raconte que sa construction provient d’un rêve de Bent Lárusson.

เรามุ่งหน้ากันต่อไปที่  Búðir ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างนึงก็คือโบสถ์สีดำนี้ สร้างในปีค.ศ. 1703 โดย Bent Lárusson ต่อมาได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่โดย Steinunn Sveinsdóttir ในปีค.ศ. 1848 ตามตำนานเล่าว่าโบสถ์นี้มาจากความฝันของ Bent Lárusson

 

Pas loin de l’église noire, vous apercevrez une petite entrée pour la plage Ytri-Tunga. Elle est très connue pour ses phoques. Vous verrez de nombreux phoques qui viennent se prélasser sur les rochers, particulièrement au mois de juin – juillet. Là, nous étions en mars donc je ne pensais pas les voir. Mais mais.. j’aperçois quelques trucs noirs de loin sur les rochers. Et oui ça doit être des phoques !!! Heureusement, la marée est basse. J’essaye de m’approcher d’eux le plus près possible en traversant les algues, les rochers… Tout d’un coup, ils se sauvent !! Ah mince !! Ils ont dû certainement se dire  “Allez on y va, les humains arrivent !!”

ที่ต่อไปคือ ปฏิบัติการตามหาแมวน้ำ ณ หาด Ytri-Tunga หากว่ามาช่วงเดือนมิถุนายน – กรฎาคม จะเห็นแมวน้ำที่หาดแห่งนี้เยอะมาก แต่นี่เรามาตอนเดือนมีนาคม ก็คิดว่าคงจะไม่ได้เห็นแล้ว ที่ไหนได้ เราเห็นอะไรดำๆที่ขยับอยู่ตรงโขดหินไกลๆ โชคดีที่ตอนนั้นเป็นช่วงน้ำลง เราเลยเดินเลาะๆโขดหินเพื่อที่จะไปดูให้ใกล้ที่สุด เห็นอยู่ประมาณ 3-4 ตัว และแล้วก็เหมือนว่ามันจะรู้ตัวซะก่อน เผลอแปร๊บเดียว กระโจนลงน้ำหนีไปซะแล้ว

 

Voilà, c’est maintenant l’heure de quitter cette charmante péninsule. Nous descendons jusqu’à notre hôtel Fossatún Country à Borgarnes.

แล้วตอนนี้ก็ได้เวลาออกจากคาบสมุทรอันสวยงามแห่งนี้ เราขับรถตรงไปที่พักของเราก็คือ โรงแรม Fossatún Country ณ เมือง Borgarnes

 

2 – 3 Mars 2017  Le voyage touche à sa fin

2 – 3 มีนาคม 2560 การเดินทางที่ไม่อยากให้จบลง

Le 2 mars, nous devons rendre la voiture à l’agence près de l’aéroport. Notre vol pour Paris est le 3 mars à 7h00. Il nous reste donc encore une nuit en Islande. Nous avons réservé le Guesthouse 1×6  qui est juste à côté de l’aéroport. Heureusement, l’agence Blue Car Rental nous dépose au guesthouse après avoir rendu la voiture.

C’est l’un des deux hébergements que j’aime le plus en Islande (l’autre est Julia’s Guesthouse à Selfoss). Les propriétaires sont un couple suisse et japonaise, Andi et Yuki. Nous avons un accueil très chaleureux. Après avoir déposé nos affaires dans la chambre, Andi nous invite pour boire un café et au goûter. Nous pouvons entamer la conversation avec les Américains qui sont déjà à la table.

Le bain chaud naturel est également mis à notre disposition. Mais nous sommes tellement fatigués que nous n’en profitons pas.

Réveil à 4h00 du matin le 3 mars. Andi nous conduit à l’aéroport. C’est l’heure de dire vraiment adieu au pays de la Terre de Feu et de Glace.

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การเดินทางก็เช่นกัน วันที่ 2 มีนาคมนี้ เราต้องไปคืนรถที่บริษัทเช่ารถซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบิน ไฟล์ทกลับปารีสของเราคือวันที่ 3 มีนาคม เวลา 7 โมงเช้า เพราะฉะนั้นก็ต้องนอนที่ไอซ์แลนด์อีกหนึ่งคืน เราจึงจองที่พัก Guesthouse 1×6 ซึ่งอยู่ใกล้ๆสนามบิน โชคดีมากที่ Blue Car Rental ขับรถมาส่งที่เกสท์เฮ้าส์

สำหรับเกสท์เฮ้าส์ 1×6 นี้เป็น 1 ใน 2 ที่พักที่เราชอบมากในไอซ์แลนด์ (อีกทีนึงคือ Julia Guesthouse ที่ Selfoss) เจ้าของเป็นคู่สามีภรรยาชาวสวิสและญี่ปุ่น ชื่อ แอนดี้กับยูกิ เราได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นและเป็นกันเองมาก เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อย เค้าก็ชวนเราไปดื่มกาแฟที่เค้าทำเองพร้อมคุ้กกี้อร่อยๆ ณ ตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ก็ชวนคุยกันไปต่างๆนานา  อ้อ ลืมบอกไป ที่นี่เค้ามีน้ำร้อนให้แช่ด้วยนะคะ ซึ่งก็เป็นความร้อนธรรมชาติที่มาจากใต้พิภพ

วันที่ 3 มีนาคม แอนดี้ขับรถไปส่งเราที่สนามบินเวลาตี 4 เป็นวันที่เราต้องจากไอซ์แลนด์ไปจริงๆแล้ว

จนกว่าเราจะพบกันใหม่นะ ดินแดนแห่งภูเขาไฟ

 

Author

Laisser un commentaire

Votre adresse de messagerie ne sera pas publiée. Les champs obligatoires sont indiqués avec *

CommentLuv badge