Quelques jours au fort dans un village isolé
ประสบการณ์ที่สุดแสนประทับใจที่ป้อมปราการเก่า ณ หมู่บ้านที่ห่างไกลผู้คน
Je pourrais dire que ce petit séjour dans le fort de Bhadrajun est notre meilleur souvenir de notre voyage en Inde. Nous sommes tombés sous le charme de ce petit fort accroché à une colline des Arawallis. À notre arrivé, une fille en Sari rouge nous a offert des fleurs et a appliqué de la poudre rouge sur notre front. Ensuite, nous sommes allés dire bonjour à Maharani qui est la femme du Raja Gopal Singh (il a malheureusement quitté ce monde en début d’année 2011). Elle nous a préparé un délicieux déjeuner avec des produits, qui viennent de leur ferme.
Dans l’après midi, le chauffeur du fort nous a proposé de faire un petit tour dans le village en jeep. Ce chauffeur s’appelle « Narpat » et il fût un super guide et chauffeur lors de notre séjour au fort !!! C’est parti pour ce petit tour en jeep. Narpat nous a emmené à la fête de Holi. Il nous a dit que la fête était célébrée pendant une semaine dans le village. Quand nous sommes arrivés, tout le monde nous a regardé comme s’ils voyaient les superstars !! C’est peut être étrange pour eux de voir les étrangers au milieu d’un village isolé. Les hommes ont dansé et joué du tambour traditionnel. Ils ont proposé à Franck de danser avec eux aussi. C’était vraiment génial !!
ป้อมปราการที่ว่านี้ก็คือป้อมปราการเก่าแห่งบาดราจุน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่น่าจดจำมากที่สุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้ เราได้ตกหลุมรักป้อมปราการนี้ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา เมื่อเราไปถึง ก็มีสาวน้อยชาวอินเดียใส่ชุดส่าหรีสีแดงต้อนรับเราพร้อมกับดอกไม้และแต้มบินดิบนหน้าผากของพวกเรา หลังจากที่นำกระเป๋าเก็บเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปทำการทักทายมหารานี ซึ่งเป็นภรรยาของ โกปาล ซิงห์ (เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว) มหารานีท่านนี้ได้ทำอาหารกลางวันต้อนรับเราเป็นอย่างดี วัตถุดิบต่างๆนั้นก็มาจากฟาร์มของที่นี่ เป็นมื้อที่อร่อยมากๆ
ในตอนบ่าย คนขับรถประจำของที่ป้อมนี้ « นาร์พัท » ได้ชวนเราไปนั่งรถเล่นไปตัวเมืองของหมู่บ้าน นาร์พัทเป็นทั้งคนขับรถและไกด์ให้เราตลอดสามวันในช่วงที่เราพักที่ป้อมนี้ นาร์พัทบอกเราว่าจะพาไปดูงานเทศกาลโฮลีในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านต่างจังหวัดนั้นฉลองกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว เมื่อเรามาถึงปุ๊บ สายตาทุกคู่ก็จ้องมาที่พวกเรา พวกเค้าคงแปลกประหลาดใจที่มีชาวต่างชาติมาในหมู่บ้านด้วย เราถูกเชิญให้ไปนั่งบนเวทีเพื่อชมการแสดง พวกหนุ่มๆก็จะตีกลองร้องเล่นเต้น พวกเค้ายังชวนฟร้องค์ให้ไปเต้นอีกด้วย ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ
Le soir, nous avons assisté à la cérémonie religieuse au temple de la déesse Durga.
ในตอนเย็น นาร์พัทพาเราไปชมพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากนั้นเขาก็พาเราไปดูพิธีบูชาพระแม่ธุรกา
Nous nous sommes levés très tôt pour faire l’ascension à la montagne juste à côté du fort. Narpat a demandé à son collègue de nous emmener jusqu’au sommet pour admirer la vue au lever du soleil. Le chemin n’était pas facile mais la vue en haut en valait vraiment la peine !! On a pu apercevoir le Pakistan de loin aussi.
วันต่อมา เราตื่นกันประมาณตีห้าเพื่อที่จะขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งตั้งอยู่ติดกับป้อมปราการนี้เลย เราสะดุดตากับเขายอดนี้มาตั้งแต่วันที่มาถึงแล้ว เลยอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรให้เราดูบนยอดนั้น เราจึงถามนาร์พัทว่าเราสามารถขึ้นไปได้มั้ย นาร์พัทก็บอกเราว่าได้ แต่ต้องมีคนนำทางด้วย ซึ่งนาร์พัทก็ได้ส่งเพื่อนที่ทำงานที่ป้อมปราการเดียวกับเค้ามาเป็นไกด์ให้เราในเช้านี้ เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการขึ้นไป ต้องค่อยหลบหนามจากต้นไม้ ซึ่งแถบนี้จะมีพวกต้นไม้ที่มีหนามเยอะมาก แต่พอขึ้นไปถึงก็หายเหนื่อย เห็นวิวทิวทัศน์อย่างงี้แล้วเราก็ชื่นใจ จากที่นี่ เราสามารถเห็นปากีสถานอยู่ลิบๆ ซึ่งผู้นำทางของเราบอกว่าปากีสถานอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณร้อยกว่ากิโลได้
Après le petit déjeuner, Narpat nous a demandé si ça nous intéressait d’assister à la fête de Holi dans un autre endroit du village. Évidemment, nous avons accepté !!!
À l’arrivée, j’ai vu les hommes s’asseoir d’un côté et les femmes à l’autre côté. Il y a l’espace au milieu pour la danse. Nous nous sommes assis à côté des hommes. On nous a proposé de gouté l’opium. C’est une boisson rafraichissante qui leur donne beaucoup d’énergie après le travail. Mais pour nous, le goût est loin d’être bon.
หลังจากนั้นเราก็ลงมาเพื่อไปทานอาหารเช้า นาร์พัทถามเราว่าสนใจที่จะไปดูเทศกาลโฮลีอีกมั้ย ซึ่งคราวนี้เราจะไปอีกที่นึง เมื่อนาร์พัทเสนอมาอย่างงี้ มีรึที่เราจะปฏิเสธ ลุยยยย !!!!
พอเราไปถึงสถานที่ที่ชาวบ้านจัดเทศกาลโฮลี เราก็สังเกตการแบ่งแยกชายหญิงชัดเจน ผู้หญิงกับผู้ชายจะนั่งคนละฝั่ง ส่วนตรงกลางจะเป็นเหมือนแดนซ์ฟลอร์โชว์เต้นรำทำเพลง โป๊ะ ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ นาร์พัทชวนพวกเราไปนั่งที่ฝั่งผู้ชาย ส่วนเราน่ะเหรอ ก็กลายเป็นผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มๆ 5555 หนุ่มๆก็ได้ชวนพวกเราลองชิมฝิ่น (ตามภาพ) ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มที่เค้าดื่มกันเหมือนชาเลย คนที่นี่เค้าจะนิยมดื่มกันเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมทำงาน เมื่อเค้าเสนอมาให้ชิม เราก็ไม่กล้าขัดใจ ก็เลยต้องลองชิมเป็นพิธี อยากรู้กันล่ะสิว่ารสชาติเป็นยังไง เอาเป็นว่าพอชิมแล้วก็บอกกับตัวเองว่านี่จะเป็นการชิมฝิ่นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
Après que les hommes aient fini de jouer du tambour, les femmes ont dansé au milieu. Une femme est venue prendre ma main pour que j’aille danser avec elle.
พอนั่งฝั่งผู้ชายไปได้ซักพัก ฟร้องค์ก็บอกว่าเราควรจะไปนั่งฝั่งผู้หญิง ถือว่าปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นของที่นี่หน่อย เราก็เลยย้ายฝั่งไปนั่งกับเพื่อนสาว นั่งไปซักแปรบ ก็มีป้าคนนึงฉุดเราให้ไปเต้นด้วย เราก็ต้องไปสิ ท่ามกลางสายตาประชาชีอันเยอะแยะ เราก็เต้นมั่วๆไป มีทั้งเสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ ก็สนุกไปอีกแบบ
Ce petit moment dans ce petit village fut un grand moment pour moi. Et ce fut vraiment dur de quitter ce lieu le lendemain. Et nous n’oublierons pas Narpat, le personnel du fort qui s’occupait bien de nous tout le séjour au fort. Il est super gentil et très honnête. Avant qu’on quitte le fort, il a même dessiné le henné sur mes mains pour le souvenir.
ช่วงเวลาที่เราได้พักที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา เรารู้สึกเศร้าใจที่ต้องจากที่นี่ไปในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะไป เราบอกนาร์พัทว่าเฮนน่าที่เราเพ้นท์มาก่อนหน้านี้มันค่อยๆจางหายไปแล้ว เราเลยถามนาร์พัทว่าเราจะเพ้นท์ได้ที่ไหนอีก นาร์พัทก็บอกเราว่าไม่ต้องไปเพ้นท์ที่ไหน เดี๋ยวเค้าจะเพ้นท์ให้เองก่อนเรากลับ (ตามภาพ) ถึงแม้ว่าลวดลายอาจจะไม่สวยเท่าช่างฝีมือที่เค้าเพ้นท์กัน แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจอย่างมาก ขอบคุณนาร์พัทมากนะ
ยินดีด้วยน้องสาว;)
Bon travail 😉
Merci à vous deux !!