De Paris à Ho Chi Minh
จากปารีสสู่โฮจิมินห์
Suite à l’exemption du visa pour les Français (séjour de 15 jours maximum) et aussi l’envie de découvrir le Vietnam, nous avons décidé de visiter ce pays. Nous avons commencé à planifier l’itinéraire en novembre 2015 (2 mois avant notre départ). Au début, nous voulions visiter tout le Vietnam, mais ce n’est pas une bonne idée pour un séjour de 2 semaines. Donc, nous avons décidé de concentrer sur le sud et le centre du Vietnam cette fois-ci.
จากการที่เวียดนามยกเว้นวีซ่าให้คนฝรั่งเศสที่ต้องการมาเที่ยวไม่เกิน 14 วัน (ซึ่งก็เป็นผลดีกับฟร้องค์) ประกอบกับการอยากเที่ยวเวียดนามมานานแล้ว เราจึงตัดสินใจมาที่ประเทศนี้ ซึ่งทริปนี้เราวางแผนกันเที่ยวกันเอง เราเริ่มแพลนกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 (2 เดือนก่อนเดินทาง) ในตอนแรกเราอยากเที่ยวทั้งเวียดนามทางเหนือและทางใต้ แต่พอเข้าไปดูกระทู้ท่องเที่ยวหลายๆกระทู้ ก็มีหลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะเที่ยวอย่างงั้น ต้องมาเป็น 3 – 4 อาทิตย์เลยทีเดียว ดังนั้นเราจึงตัดสินใจวางโปรแกรมกันแค่ที่เวียดนามทางใต้อย่างเดียว
Nous sommes partis le 31 décembre 2015 pour arriver le 1 janvier 2016 à Ho Chi Minh. Partir cette année et arriver l’année prochaine, ce n’est pas cool ça?! On a pris l’avion avec Émirates comme d’habitude et on a été aussi surclassé en classes d’affaires ! C’est quand même un beau cadeau pour notre premier voyage en 2016. À 19h40, on est arrivé à l’aéroport de Tân Sơn Nhất à Ho Chi Minh. Ce soir, nous allons dormir à l’hôtel à côté de l’aéroport. L’hôtel a été réservé lorsque nous étions encore en France. D’après les commentaires sur l’hôtel, il est possible de s’y rendre à pieds depuis l’aéroport. Avant de quitter l’aéroport, nous avons acheté une carte sim avec 3G inclus. Avec le sac à dos, on se déplace facilement, pas besoin de traîner la valise. Je me souviens de la chaleur épouvantable et la fatigue du voyage ce soir là. Nous devions faire attention à tous les scooters sur la route. Nous avons mis du temps à trouver cet hôtel ! Finalement on l’a trouvé avec l’aide du GPS. Bien arrivé à l’hôtel, il faillait bien se reposer quand même pour le début de notre aventure le lendemain.
วันที่เราเดินทางคือวันที่ 31 ธันวาคม 2558 เดินทางปีนี้ แต่ถึงปีหน้า เจ๋งเปล่าล่ะ เราเลือกสายการบินเอมิเรตส์เหมือนเคย และแล้วสิ่งที่เราคาดไว้ก็เป็นจริง เราได้ถูกอัพเกรดไปอยู่ที่ชั้นธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับทริปแรกแห่งปี 2559 กันเลยทีเดียว เราเดินทางถึงโฮจิมินห์เวลา 19.40น ถ้าจะให้เที่ยวเลยก็คงไม่ไหว เราจึงไปพักกันที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน เราจองโรงแรมนี้มาตั้งแต่ที่ฝรั่งเศส คนที่มาคอมเม้นท์เกี่ยวกับโรงแรมบอกว่าโรงแรมนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน สามารถเดินไปได้ ก่อนที่จะไปที่พัก เราแวะซื้อซิมการ์ดที่สนามบินที่มี 3G ด้วย หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาจากสนามบิน ด้วยความที่เราเดินทางแบบแบ็คแพ็ค จึงทำให้การเดินไปโรงแรมครั้งนี้สะดวกสบาย ไม่ต้องลากกระเป๋า จำได้ว่าคืนวันนั้นร้อนมากๆ ข้ามถนนก็ต้องระวังมอเตอร์ไซค์ที่มีเยอะมากๆ เราเดินวนไปวนมาหลายรอบก็ยังไม่เจอที่พักซักที จึงต้องใช้จีพีเอสช่วยชีวิต โชคดีที่ซื้อซิมการ์ดมาจากสนามบิน คืนนั้นเราก็หลับเป็นตาย เพราะต้องพักผ่อนให้เต็มที่พร้อมลุยเวียดนามในวันรุ่งขึ้น
Delta du Mekong hors des sentiers battus
เที่ยวลุ่มน้ำโขงที่ไม่เหมือนใคร
Aujourd’hui, nous partons à la découverte du delta du Mekong. Le séjour dans cette région a duré 3 jours, du 02/01/2016 au 04/01/2016. Nous avons contacté le guide francophone “Hieu” parce que nous voulions visiter les choses autrement et hors des sentiers battus. Hieu nous a dit de prendre le bus local entre 8h et 8h30 pour aller à My Tho qui est notre point de rendez-vous. En fait, nous voulions aller à l’arrêt de bus par le bus de la ville mais cela nous paraissait difficile avec la communication en vietnamien. Le taxi est donc le meilleur choix pour y aller. Le personnel de l’hôtel nous a conseillé de prendre le taxi à l’aéroport pour ne pas se faire arnaquer. Donc, il fallait retourner à l’aéroport encore à pieds mais nous connaissons déjà le chemin cette fois-ci ! Bravo! En arrivant à l’arrêt de bus, Hieu avait déjà appelé l’agence pour indiquer le lieu où on devait descendre à My Tho. Dans le bus, nous étions les seuls étrangers. Et voilà, que le voyage commence !
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เราจะไปเที่ยวที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งเราวางแผนโปรแกรมเที่ยวที่นี่ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 4 ม.ค. ด้วยความที่เราอยากเที่ยวในเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร อยากเห็นวิถีชีวิตลุ่มน้ำโขงจริงๆ เราจึงติดต่อไกด์ชาวเวียดนามที่พูดภาษาฝรั่งเศสที่นำเสนอโปรแกรมที่ไม่เหมือนบริษัททัวร์เลย ไกด์คนนี้ชื่อว่า Hieu (ออกเสียงว่า “เหว”) ถึงแม้ว่าภาษาเวียดนามจะใช้อักษรภาษาอังกฤษ แต่ก็ถือว่าอ่านยาก บางครั้งเราอาจจะออกเสียงผิดเพี้ยนไปได้ ต้องถามเจ้าของภาษาจริงๆว่าออกเสียงยังไง ซึ่งเราก็มาออกเสียงชื่อไกด์ถูกก็ตอนที่ได้เจอกันนี่แหละ (ก่อนหน้านี้เรียกเค้าว่า หิว 5555) เอาล่ะ กลับมาเรื่องเที่ยวต่อ เหวได้ส่งข้อความบอกเราให้ไปขึ้นรถบัสรอบ 8 โมง หรือ 8 โมงครึ่งเพื่อที่จะไปเมือง My Tho (ออกเสียงว่าหมีเธอ อ้าว ไม่ใช่หมีชั้นนะ) เหวจะรอรับเราที่เมืองนั้น ตอนแรกเราอยากจะขึ้นรถเมล์เพื่อไปสถานีรถบัส แต่ด้วยความที่เราไม่รู้ภาษา แล้วก็ไม่รู้จะลงตรงไหน แท็กซี่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทางโรงแรมแนะนำเราให้ไปขึ้นแท็กซี่ที่สนามบินเพราะว่ากลัวเราจะถูกโกง เราจึงเดินจากโรงแรมกลับไปสนามบินอีกรอบ คราวนี้รู้ทางแล้วว ไม่มีทางหลงหรือเดินวนอีกแน่นอน แท็กซี่พาเราไปถึงสถานีรถบัสอย่างปลอดภัย เมื่อไปถึง เราก็พบว่าเหวได้โทรมาแจ้งทางรถทัวร์แล้วว่าให้จอดตรงไหนของเมืองหมีเธอ บนรถทัวร์นั้นมีแค่เราสองคนที่เป็นคนต่างชาติ นอกนั้นเป็นคนเวียดนามหมด เอาล่ะ การเดินทางกำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้
Le chauffeur nous a déposé au point de rendez-vous à My Tho. Nous avons traversé la route pour rejoindre Hieu en face. Il est venu avec son scooter qui sera le principal moyen pour se déplacer durant le séjour dans le Delta du Mékong. Plus tard, son ami est arrivé avec un autre scooter. Ensuite, nous sommes partis en scooter. Ça c’est un avantage de voyager en sac à dos car le déplacement est très pratique. Nous avons commencé à visiter tout de suite avec la promenade en bateau. Après, on a fait du vélo à Ben Tre où on ne voit que le vert et la fertilité, il y a les cacaos et beaucoup de jacquiers.
คนขับรถจอดให้เราลงที่มุมหนึ่งของเมืองหมีเธอ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าแถวไหน เราลงจากรถบัสพร้อมกับสังเกตเห็นเหวที่รอเราอยู่อีกฝั่งของถนน เหวมาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ซึ่งจะเป็นยานพาหนะสำคัญในการเที่ยว 3 วันนี้ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เรารอเพื่อนของเหวที่จะมาพร้อมมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งคัน เพราะเหวคงจะรับน้ำหนักเราสองคนบนมอเตอร์ไซค์คันเดียวไม่ไหว แถมยังมีกระเป๋าเป้อีก เหวแพลนโปรแกรมให้เราเที่ยวก่อนที่จะไปที่พักซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง นี่คือข้อดีของการมาแบบแบ็คแพ็ค ทำให้เราเดินทางไปมาสะดวก เหวพาเราไปนั่งเรือที่แม่น้ำโขงซึ่งห่างไกลจากนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นเราก็ไปขี่จักรยานกันที่เมือง Ben Tre (ชื่อเมืองนี้ต้องขอยอมรับว่าลืมแล้วว่าออกเสียงยังไง) บรรยากาศนั้นเงียบสงบ มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์เขียวขจี เราเห็นต้นขนุนเยอะมาก เรียกได้ว่าบรรยากาศก็จะคล้ายๆเมืองไทย เหวโชว์ให้เราดูต้นโกโก้พร้อมกับให้เราเก็บไว้เป็นที่ระลึก
Après la balade en vélo, notre ventre commence à gargouiller. Hieu nous a emmené manger les rouleaux de printemps vietnamiens. J’aime beaucoup la présentation de ce plat avec le tapioca installé sur le bois très imposant (comme vous pouvez voir sur la photo). Cliquez pour voir la vidéo Ce type de poisson peut se trouver dans le Mekong. Le poisson frais associé aux légumes et à la sauce sont vraiment excellent !! Après le repas, nous avons fait une petite sieste dans un hamac qui est très familier au Vietnam. Si vous n’avez jamais testé le hamac au Vietnam, vous n’arrivez pas encore au pays. Ensuite, nous avons fait une balade en barque dans les canaux, au milieu de cocotiers à perte de vue. Ce fut vraiment un moment très agréable et bien reposant. Cliquez pour voir la vidéo Le soir, on est arrivé à la maison de l’habitant où on loge. Le propriétaire s’appelle “Thaï” mais il est vietnamien. Il m’a dit que sa fille travaillait en Thaïlande. Après une petite discussion, il a cueilli une feuille de cocotiers et m’a fabriqué une petite bague.
เมื่อเราขี่จักรยานกันกันไปได้ซักพัก แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เหวพาเราไปกินปอเปี๊ยะสดสไตล์เวียดนาม เราชอบสไตล์การนำเสนอของอาหารจานนี้มาก ปลานิลจะถูกนำมาตั้งบนแท่นเพื่อให้เราหยิบเนื้อปลาง่ายๆ (ตามภาพ) ส่วนน้ำจิ้มก็ไม่ต้องพูดถึง เลิศรสมากกก คลิกดูวิดีโอ กินเสร็จเรียบร้อย หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน เหวเลยชวนพวกเราไปนอนงีบซักแปบที่เปลญวน ที่เวียดนามเราจะเห็นเปลแบบนี้เกือบทุกที่ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มางีบบนเปลญวนซักครั้ง ถือว่าคุณยังมาไม่ถึงเวียดนาม หลังจากงีบไปได้ซักพัก เราก็ไปล่องเรือพายกันอีกครั้ง คราวนี้เหวพาเราไปนั่งเรือพายที่คลองๆหนึ่งที่เมือง Ben Tre วิวตรงหน้าที่เห็นคือต้นมะพร้าวมากมายที่ล้อมรอบ โค้งเอียงตัวมาเหมือนจะบังแสงแดดให้เรา เป็นความสวยงามที่ต้องมาเห็นกับตาตัวเอง คลิกดูวิดีโอ
หลังจากที่ล่องเรือเสร็จ ในตอนเย็น เหวก็พาเรามาที่พักซึ่งเป็นบ้านของชาวเวียดนาม เมื่อมาถึง เจ้าของบ้านซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาก็ต้อนรับเราอย่างดี คุณลุงได้นำใบมะพร้าวมาทำเป็นแหวนมอบให้เราเป็นของขวัญอีกด้วย
Le deuxième jour, Hieu nous a emmené voir la fabrication de galettes de riz sucrés. Elle se compose de farine de riz, lait de coco, gingembres hachés et sésames. À peine les galettes cuites à la vapeur, qu’on nous a proposé d’en goûter un petit bout. C’est vraiment bon !! Mais ce n’est pas encore fini car la dernière étape est de les faire sécher et mettre dans l’emballage. L’avantage des galettes séchées c’est qu’on peut les garder longtemps. C’est bon quand même mais personnellement je préfère les galettes toute fraîche.
วันที่สอง เหวพาเราไปดูการทำขนมที่บ้านหลังหนึ่ง เราจะขอเรียกขนมนี้ว่าข้าวเกรียบปากหม้อ เพราะว่ามันช่างเหมือนเหลือเกิน ส่วนผสมที่เราเห็นก็จะมีแป้ง กะทิ ขิงสับ แล้วก็เมล็ดงา เมื่อทำเสร็จ เราก็ลองชิม หืมมมมม อร่อยอย่าบอกใครเชียว มันทั้งนุ่ม หวาน มัน มีรสชาติขิงเล็กๆ เราเลยอยากจะซื้อกลับไปกิน แต่พอไปดูที่เค้าวางขายใส่ถุง มันกลับเป็นแผ่นแบบแห้ง เหวจึงบอกเราว่าขนมแบบนี้เมื่อทำเสร็จแล้ว เค้าก็จะเอาไปตากแห้งแล้วถึงจะเอามากินได้ อย่างไรก็ตาม เราก็ลองซื้อข้าวเกรียบปากแห้ง เอ้ย ปากหม้อแบบแห้งมาลองชิม มันก็อร่อยเหมือนกันนะ
Ensuite, nous avons poursuivi la route en scooter. Aujourd’hui, nous avons pris un bac plusieurs fois pour traverser le canal. C’est le moyen courant que les habitants locaux utilisent pour traverser aussi.
หลังจากนั้น เราก็ควบมอเตอร์ไซค์เที่ยวกันต่อ วันนี้จะเป็นวันที่เราข้ามคลองเยอะมาก โดยในการข้ามคลองก็แน่นอนว่าต้องนั่งเรือไป ซึ่งเราก็จะเอามอเตอร์ไซค์ใส่บนเรือไปด้วย เหวบอกว่าชาวบ้านที่นี่ข้ามคลองพร้อมมอเตอร์ไซค์จนชิน
Nous sommes tombés sur un groupe de filles qui s’habillent pareil devant une maison. Par curiosité, nous nous sommes arrêtés devant cette maison. Hieu nous dit que c’était pour le mariage et ces filles étaient les demoiselles d’honneur qui accueillent les invités. Ce fut vraiment dommage de ne pas pouvoir voir les mariés.
เราได้ไปเจอสาวๆกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนกันอยู่หน้าบ้าน ด้วยความสงสัยเราจึงจอดรถไปดู เหวบอกเราว่าบ้านนี้มีงานแต่งงาน และสาวๆที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้ก็คือเพื่อนเจ้าสาวที่ออกมาต้อนรับแขก แหม เสียดายจังที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว
Après le déjeuner chez les habitants, c’est bien sûr la sieste dans le hamac. Ensuite, nous avons fait du vélo dans les rizières avec une vue très verdoyante.
วันนี้เราได้ไปกินข้าวกลางวันที่บ้านของคู่สามีภรรยาตายายคู่หนึ่ง และก็อีกเช่นเคย เราก็งีบหลับบนเปลญวน หลังจากงีบไปได้ซักพัก เราขี่จักรยานออกไปชมนา บรรยากาศที่นี่ก็ไม่แตกต่างกับหมู่บ้านชนบทในเมืองไทย มองไปไกลๆเราก็จะเห็นสาวเวียดนามใส่หมวกเวียดนามเตรียมนาปลูกข้าว
Après le vélo, nous sommes allés voir la fabrication de bâtons d’encens. Les vietnamiens s’en servent beaucoup et ils les exportent également vers la Thaïlande et la Chine.
หลังจากปั่นจักรยานเรียบร้อยแล้ว เราก็ควบมอเตอร์ไซค์ไปต่อที่โรงงานทำธูป ธูปที่นี่มีทั้งไซส์เล็กไปถึงไซส์ใหญ่ (ตามภาพ) เหวบอกเราว่าที่เวียดนามใช้ธูปเยอะมาก แล้วก็ยังส่งออกไปที่เมืองไทย จีนอีกด้วย
Le troisième jour, c’est le dernier jour de notre séjour au Delta du Mekong avant d’aller à Hoi An. Hieu est venu nous chercher comme d’habitude. Aujourd’hui, on s’est arrêté par hasard devant une école. À peine arrivé, les écoliers se sont précipités vers nous. Ils se sont intéressés beaucoup intéressés à Franck. Comme j’ai la tête asiatique, ils devaient penser que je suis vietnamienne. Donc, monsieur a été entouré par une foule d’enfants vietnamiens. Excellent ! Cliquez pour voir la vidéo
วันที่สามของการเที่ยวที่เมืองแถบลุ่มน้ำโขง วันนี้ถือว่าเป็นวันสุดท้ายของการเที่ยวที่นี่ก่อนที่เราจะเดินทางไปฮอยอัน เหวก็มารับเราที่ที่พักอีกเช่นเคย วันนี้เราได้แวะเข้าไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ทันทีที่เราไปถึงหน้าโรงเรียน เด็กนักเรียนก็กรูเข้ามาทางเราด้วยความตื่นเต้น เด็กนักเรียนจะมีความสนอกสนใจฟร้องค์เป็นอย่างมาก เพราะคงเห็นว่าเราเป็นคนเวียดนาม ฟร้องค์ถูกรุมด้วยเด็กเวียดกลุ่มใหญ่ คลิกดูวิดีโอสักพัก พอใกล้เวลาที่เด็กๆต้องไปเข้าเรียน เราก็ขอแชะภาพหมู่ซะหน่อยก่อนไป
La ville où on va aujourd’hui est Cai Be. C’était encore la journée avec beaucoup de traversées en bac. Parfois, j’ai aperçu un groupe d’étudiants qui a attendu le bac comme nous avec leur vélo. Hieu m’a dit qu’ils allaient rentrer à la maison pour le déjeuner.
วันนี้เราจะไปกันที่ Cai Be ซึ่งเป็นอีกวันที่เราต้องข้ามคลองพร้อมกับมอเตอร์ไซค์เยอะมาก บางที่ก็จะเห็นกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่ขี่จักรยานมารอเรือเหมือนกับเรา เหวบอกเราว่าเด็กนักเรียนเหล่านี้จะกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน
Nous avons vu la fabrication de caramels aux cacahuètes et aux gingembres dans une maison. C’est le business familial. Comme le Têt (le nouvel an vietnamien) approche, ils en ont fait beaucoup pour cette occasion. Cette fille dans la photo était vraiment timide quand Franck l’a prise en photo. Elle a rigolé beaucoup quand on lui a montré les photos.
เราได้ไปดูการทำขนมกาละแม ครอบครัวนี้เตรียมทำกาละแมเยอะมากเพื่อนำไปขายในช่วงเทศกาลปีใหม่เวียดนามหรือตรุษเต็ดที่กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ สาวน้อยเวียดนามคนนี้อายทุกครั้งที่เราถ่ายรูป พอเห็นรูปตัวเองในกล้องก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
De Cai Be, on a dû aller à My Tho afin de prendre le bus pour Ho Chi Minh. Sur la route, on s’est arrêté au marché local que je n’avais jamais vu. Là, on trouve tous les animaux vivants comme les serpents d’eau, les canards, les poules etc. Hieu nous a dit que les vietnamiens préfèrent les acheter vivants. Oh les pauvres !! Cliquez pour voir la vidéo
จาก Cai Be เราต้องมุ่งหน้ากลับ My Tho เพื่อขึ้นรถบัสกลับโฮจิมินห์ ระหว่างทางเราได้แวะที่ตลาดแห่งหนึ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มีทั้งงู เป็ด ไก่ และสัตว์อื่นๆอีกที่ยังมีชีวิตอยู่ เหวบอกเราว่าคนเวียดนามจะชอบซื้อแบบเป็นๆ จะได้มั่นใจว่าเค้าได้กินเนื้อนั้นจริงๆ เรามีวิดีโอที่ตลาดแห่งนี้มาให้ชมกัน วิดีโอตลาด
Après la visite du marché, C’est l’heure de dire “Adieu” à cet endroit magnifique. C’est dommage mais nous devons poursuivre notre voyage au Vietnam dans un autre endroit. Hieu est notre super guide !! Il nous a donné une première impression dans ce pays. Et je peux vous dire qu’il y a encore beaucoup de choses à découvrir au Vietnam. À suivre !!
ถึงเวลาที่เราต้องบอกลาดินแดนปากแม่น้ำโขงแห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองต่อไป เหวเป็นไกด์ที่ดีมาก และทำให้เส้นทางแรกที่เวียดนามของพวกเราเป็นที่น่าประทับใจ หวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่
j’ai fait le même tour avec Hieu, c’était vraiment un bon moment et je pense que le delta du Mékong avec lui vaut vraiment la peine
nous nous sommes allées aussi dans une très vieille maison transformée en restaurant de classe , vraiment un bon repas
bons voyages!
Bonjour. Je suis d’accord avec vous. Il est le super guide !!
Désolée pour cette réponse tardive, j’étais en trek au Népal à ce moment là. Et les nouveaux articles arrivent bientôt 🙂